“พิมพ์ภัทรา” เผยเตรียมหารือคลังเพื่อสกัดสินค้านำเข้าราคาถูกจีน โดยขอให้คลังออกกฎกระทรวงเพื่ออนุญาตให้เข้าตรวจสินค้านำเข้าในเขตฟรีโซนได้ และสั่งสมอ.เร่งสกัดสินค้าด้อยคุณภาพ ราคาถูก บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติ
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากกรณีที่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จากจีน “TEMU” ได้เข้ามาบุกตลาดสินค้าไทย โดยได้รับการร้องเรียนว่าส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อธุรกิจ SME รวมถึงความไม่ปลอดภัยของประชาชนจากการใช้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และเร่งดำเนินการตามภารกิจ “Quick win” เพื่อสกัดกั้นสินค้าไม่ได้มาตรฐานเข้าประเทศอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะสินค้า 144 รายการที่สมอ.สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
ทั้งนี้ ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 ก็มีความกังวลใจในประเด็นสินค้านำเข้าจากจีนที่เข้ามาทุ่มตลาดไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง องค์การอาหารและยา (อย.) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เข้ามาดูแลร่วมแก้ปัญหาดังกล่าวเพื่อสกัดกั้นไม่ให้สินค้านำเข้าจีนทะลักเข้าไทยจนส่งผลกระทบต่อ SMEs รวมถึงอุตสาหกรรมหลายประเภทของไทย เช่น กระดาษ เครื่องนุ่งห่ม สินค้าแฟชั่น อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
ขณะนี้ถึงเวลาที่ภาครัฐต้องมีมาตรการใหม่ออกมานอกเหนือจากการตรวจสินค้าให้ได้ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของ สมอ. ฝเพื่อป้องกันการทุ่มตลาดจากสินค้านำเข้าจากจีน ส่วนการจัดเก็บภาษีมาตรการป้องกันการทุ่มตลาดสินค้าจากจีนในช่วงนี้อาจไม่ทันเวลา แต่ก็ต้องเริ่มพิจารณาแล้ว โดยจะหารือกระทรวงการคลังเพื่อหามาตรการใหม่เพื่อสกัดสินค้านำเข้าจากจีนอย่างเร่งด่วน
“การดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรม ยังไม่ครอบคลุมสินค้าที่มีการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีจำนวนกว่า 1,000 รายการ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วนร่วมดำเนินการควบคุมและกำกับติดตาม ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลฯ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ไม่มีคุณภาพหรือเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค รวมทั้งพิจารณาให้มีการจัดเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน โดยการกำหนดนโยบายการจัดเก็บภาษีที่เหมาะสมสำหรับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติ เพื่อให้บริษัทเหล่านี้เสียภาษีอย่างถูกต้องและไม่เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ”
นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อขอให้ออกกฎกระทรวง อนุญาตให้เข้าไปตรวจสินค้านำเข้าในเขตปลอดอากร (ฟรีโซน)
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า สมอ.ได้เร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องกวาดล้างสินค้าด้อยคุณภาพที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาด และทางออนไลน์ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 จนถึง เดือนกรกฎาคม 2567 ได้ยึดอายัดสินค้าไม่ได้มาตรฐานเป็นมูลค่า 322,420,097 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐานที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน มูลค่า 92,767,374 บาท คิดเป็น 29% จากทั้งหมด นอกจากนี้ สมอ.ยังได้กำหนดมาตรฐานสินค้าเพิ่มในปีนี้อีกจำนวนกว่า 1,400 มาตรฐาน จากเดิมที่ประกาศใช้แล้วจำนวน 2,722 มาตรฐาน และอยู่ระหว่างดำเนินการประกาศเป็นสินค้าควบคุมอีกจำนวน 52 มาตรฐาน เพิ่มเติมจากเดิมจำนวน 144 มาตรฐาน ครอบคลุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เช่น ภาชนะและเครื่องใช้สเตนเลส กระทะ/ตะหลิว/หม้อ/ ช้อน/ส้อม/ปิ่นโต/ถาดหลุม ถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร ถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ เตาหุงต้มในครัวเรือนใช้กับก๊าซปิโตรเลียมเหลว ท่อยางและท่อพลาสติกสำหรับใช้กับก๊าซหุงต้ม ฟิล์มติดกระจกสำหรับรถยนต์ ภาชนะพลาสติกสำหรับบรรจุน้ำบริโภค ที่รองนั่งไฟฟ้าสำหรับโถส้วมนั่งราบ ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก และแผงโซลาร์เซลล์ เป็นต้น
นอกจากการดำเนินการข้างต้น สมอ.ยังมีแนวทางการดำเนินงานเพื่อป้องกันการเข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์รายใหม่เพิ่มเติม ดังนี้ คือ เร่งทำความเข้าใจและชี้แจงข้อกฎหมายกับผู้ประกอบการที่ให้บริการขนส่งสินค้า และให้บริการดำเนินพิธีการศุลกากร (Shipping) เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน, สร้างความตระหนักให้ประชาชนเลือกซื้อสินค้าที่มีเครื่องหมายมาตรฐานบนแพลตฟอร์มออนไลน์, บูรณาการการทำงานร่วมกับกรมศุลกากร เพื่อการนำเข้าสินค้าที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานจากแพลตฟอร์มออนไลน์, บูรณาการการทำงานร่วมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เกี่ยวกับการควบคุมแพลตฟอร์มออนไลน์ และบูรณาการการทำงานกับสภาองค์กรของผู้บริโภค เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างยั่งยืน