‘Hello Boy’ เปิดตัว ‘น้ำหวานแบบซอง’ ท้ารบเจ้าของตำนานหวานชื่นรื่นรมย์

จับตาความเคลื่อนไหว “Hello Boy” หลังเปิดตัว “น้ำหวานแบบซอง” แก้ Pain Point ซื้อแล้วกินไม่หมด ส่วนแบบขวดทำราคาถูกกว่าเจ้าตลาด ตั้งเป้าใหญ่ส่งออกครบทุกแบบ ขยายการผลิตเพิ่มอีก 5 เท่าภายในปีนี้

จะเป็นอย่างไร เมื่อน้ำหวานเข้มข้นในท้องตลาดไม่ได้มีเพียงเด็กชายใส่หมวกอีกต่อไป! เมื่อปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ข่าวคราวการนั่งแท่นพรีเซนเตอร์ของ “โฟร์อีฟ” (4EVE) ให้กับแบรนด์น้ำหวานน้องใหม่ “เฮลโหลบอย” (Hello Boy) ปรากฏตัวขึ้นบนสื่อโซเชียลมีเดียเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นในเดือนมีนาคม 2567 ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวน้ำหวาน “เฮลโหลบอย” อย่างเป็นทางการ โดยก่อนหน้านั้นได้มีการทยอยขึ้นไปอยู่บนชั้นวางร้านค้าโมเดิร์นเทรดเรียบร้อยแล้ว

และในวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา “เฮลโหลบอย” เปิดตัวน้ำหวานกลิ่นสละ และกลิ่นครีมโซดาภายใต้บรรจุภัณฑ์แบบซอง สนนราคา 10 บาท สำหรับการชงดื่ม 1 แก้ว แก้ “Pain Point” ซื้อแบบขวดแล้วกินไม่หมด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของตลาดน้ำหวานเข้มข้นที่มีโปรดักต์ในลักษณะดังกล่าวด้วย

“สมชาย รัตนภูมิภิญโญ” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ “RBF” ผู้ผลิตน้ำหวานเฮลโหลบอย เปิดเผยว่า ตลาดน้ำหวานในไทยยังมีช่องว่างและโอกาสอีกมาก ส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตของร้านอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ที่มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนตลาด ซึ่งหลังจากที่เปิดตัวน้ำหวานแบบขวดไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาโดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้า B2B เป็นหลัก พบว่า กระแสตอบรับเป็นไปในทิศทางที่ดี ยอดขายเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

นำไปสู่น้ำหวานแบบซองที่ผู้บริหารระบุว่า เกิดจากการสังเกตเห็นพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว มีการทำอาหาร เครื่องดื่ม หรือขนมรับประทานเองกันมากขึ้น ซึ่งตัวผลิตภัณฑ์น้ำหวานเองก็มีส่วนสำคัญในฐานะวัตถุดิบ เชื่อว่า น้ำหวานแบบซองในราคา 10 บาท ตอบโจทย์ตรงนี้ได้อย่างแน่นอน

ปัจจุบันน้ำหวานตราเฮลโหลบอยส่งออกไปแล้วทั้งสิ้น 4 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย ลาว เวียดนาม และกัมพูชา “สมชาย” เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 5 เท่า คาดว่า จะผลิตได้เต็มกำลังภายในเดือนพฤศจิกายน 2567 ด้าน “ณัฏฐนันท์ พันธุวงศ์” ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาสินค้าบริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) เมื่อมีแบบซองชงดื่มเข้ามาเติมพอร์ตโฟลิโอ เชื่อว่า จะเป็นคีย์หลักผลักดันให้ธุรกิจติดสปีดในการขายได้มากขึ้น

สำหรับ “RBF” ก่อนกระโดดลงสนามที่มียักษ์ตัวใหญ่ยืนประจำการมานานเกินครึ่งศตวรรษ พบว่า ธุรกิจหลักกว่า 80% เป็นการขายวัตถุดิบแต่งกลิ่น รส สีผสมอาหาร และวัตถุดิบจำพวกแป้งและซอส อาหารในเมืองไทยและส่งออกไปยังต่างประเทศหลายเจ้า ล้วนมี “RBF” อยู่เบื้องหลังการปรุงแต่งทั้งสิ้น

หลังจากคลุกคลีในธุรกิจมายาวนานในฐานะคนหลังบ้าน “RBF” เริ่มมองเห็นโอกาสในการกระโดดสู่คนเบื้องหน้า ทำผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเอง จึงได้มีการพูดคุย-ร่วมมือกับ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) พัฒนาโปรดักต์ขึ้นมา 1 ตัว โดยให้ศิลปินวงโฟร์อีฟทุกคนเป็นหุ้นส่วนเจ้าของสินค้าร่วมกัน ไม่ใช่พรีเซนเตอร์สินค้าทั่วไปเหมือนในอดีตที่เป็นสัญญาระยะสั้นๆ และเปลี่ยนพรีเซนเตอร์ไปเรื่อยๆ

การมาถึงของ “เฮลโหลบอย” นับเป็นเรื่องใหม่ของบริษัท ในการขยับสู่บทบาท “ผู้เล่นหลัก” อย่างเป็นทางการ “RBF” เดินเครื่องเต็มกำลังด้วยการใช้กลยุทธ์ “Presenter Marketing” เลือกเกิร์ลกรุ๊ปที่กำลังอยู่ในกระแส เพื่อ “Go Viral” บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมากขึ้น

รวมถึงการ “ดั๊มป์ราคา” ให้ปริมาณเท่ากัน แต่ขายในราคาที่ย่อมเยากว่า ยิ่งซื้อมากยิ่งถูกลง แม้ว่าก่อนหน้านี้แบรนด์น้ำหวานหนุ่มน้อยใส่หมวกจะมีคู่แข่งรายย่อยด้วยชื่อละม้ายคล้ายกันมาบ้างแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่า ครั้งนี้ดูจะเป็นคู่แข่งที่พอฟัดพอเหวี่ยงมากที่สุดก็ว่าได้

ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1130605#google_vignette 

วันที่ 17 มิถุนายน 2567