ได้เวลา “กาแฟพันธุ์ไทย” เขย่าตลาด Home Coffee! ส่งกาแฟดริปรักษ์โลก จาก 9 แหล่งปลูก หนุนเกษตรกรไทย – พาแบรนด์อยู่ในไลฟ์สไตล์คนไทยมากขึ้น

ในช่วงกว่า 10 ปีมานี้ ตลาดกาแฟในประเทศไทยมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว ทั้งในฝั่ง Supply และ Consumer Demand ที่อยู่ในสเต็ป Well-educated นั่นคือ ผู้บริโภคมีความสนใจ มีความรู้ด้านกาแฟ พิถีพิถันและสรรหากาแฟคุณภาพดี ทำให้ผู้ผลิต หรือแบรนด์ต้องมุ่งโฟกัสคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น ประกอบกับอัตราการบริโภคกาแฟของคนไทยเพิ่มขึ้นเป็น 300 แก้วต่อคนต่อปี โดยนิยมดื่มกาแฟทั้งในขณะอยู่นอกบ้าน (Out of home Consumption) และในบ้าน (In-home Consumption) สะท้อนให้เห็นว่าวัฒนธรรมการดื่มกาแฟในไทยมีการเติบโต

แน่นอนว่าตลาดกาแฟนอกบ้าน (Out of Home Coffee) ยังคงเติบโตตามไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่ใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของ Market Landscape “ตลาดกาแฟในบ้าน” (Home Coffee) ที่ยกระดับให้มีคุณภาพพรีเมียมขึ้น ทั้งเมล็ดกาแฟ การคั่ว ความหอม รสชาติ และมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์

เพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของตลาด “Home Coffee” และตอบสนองต่อความต้องการผู้บริโภคที่มองหาประสบการณ์การดื่มกาแฟในบ้านที่คุณภาพพรีเมียมขึ้น พร้อมทั้งเป็นการนำพาแบรนด์และผลิตภัณฑ์เข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากขึ้น “กาแฟพันธุ์ไทย” (PUNTHAI Coffee) จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ Home Coffee ล่าสุดเปิดตัว “9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย” จาก 9 แหล่งปลูกกาแฟในไทย โดย 9 นักสร้างสรรค์กาแฟชั้นนำระดับประเทศ รังสรรค์ออกมาเป็นคอลเลคชันสุดพิเศษ Limited Edition จำนวนจำกัดที่คอกาแฟไม่ควรพลาด! ไม่ว่าจะซื้อไว้ดื่มเอง หรือซื้อเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้

สำรวจตลาดกาแฟในไทย – “Home Coffee” โตรับเทรนด์การดื่มกาแฟที่เพิ่มขึ้น
ปัจจุบันตลาดกาแฟในประเทศไทยมีมูลค่าตลาดกว่า 60,000 ล้านบาท ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น 2 เซ็กเมนท์ใหญ่คือ
– กาแฟนอกบ้าน (Out of Home Coffee) คิดเป็นสัดส่วน 45% หรือราว 27,000 ล้านบาท
– กาแฟในบ้าน (Home Coffee) มีสัดส่วน 55% หรือกว่า 33,000 ล้านบาท

ปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตของตลาดกาแฟในไทย มาจากอัตราการบริโภคกาแฟของคนไทยเพิ่มขึ้น จากเดิม 180 แก้วต่อคนต่อปี เป็น 300 แก้วต่อคนต่อปี และนับวันแนวโน้มการบริโภคกาแฟมีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น เพราะกลายเป็นเครื่องดื่มที่อยู่ในชีวิตประจำวันของทุกช่วงวัยตั้งแต่ Gen Z เป็นต้นไป ซึ่งทุกวันนี้จะพบว่าคนรุ่นใหม่หันมาดื่มกาแฟเร็วขึ้น จากเดิมคนจะเริ่มดื่มกาแฟเมื่อเข้าสู่วัยทำงาน

ขณะเดียวกันพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ไม่ได้ดื่มกาแฟนอกบ้านอย่างเดียวเท่านั้น ยังพบว่า “ตลาดกาแฟในบ้าน” ก็เติบโตไม่แพ้ตลาดกาแฟนอกบ้าน โดยเทรนด์ Home Coffee มาในทิศทางตลาดพรีเมียมมากขึ้น เช่น กาแฟดริป, กาแฟแคปซูล, เครื่องชงกาแฟ เป็นต้น

เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปนับตั้งแต่เกิด COVID-19 ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมากขึ้น ผู้บริโภคจึงสรรหากาแฟคุณภาพดีสำหรับทำดื่มเองในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ Home Brew รูปแบบต่างๆ เมล็ดกาแฟคั่วมาบดเอง หรือสั่งแบบบดมาแล้ว เพื่อมาทำเครื่องดื่มกาแฟสด หอม รสชาติดี ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากใช้บริการร้านคาเฟ่นอกบ้าน

จากพฤติกรรมดังกล่าวกลายเป็นความคุ้นชิน ทำให้แม้ผู้คนจะกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านตามปกติแล้ว แต่เมื่อไรก็ตามที่อยู่บ้าน เช่น ในยามเช้าก่อนออกไปทำงาน หรือในยามพักผ่อนวันหยุด ผู้บริโภคก็ยังคงทำกาแฟ Home Brew เองที่บ้าน เพราะไม่ใช่แค่การดื่มกาแฟเพื่อ refresh เท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาแห่งความรื่นรมย์ที่ได้ดื่มด่ำไปกับคุณภาพ รสชาติ และความหอมของกาแฟที่ทำมาจากเมล็ดกาแฟที่ตัวเองชื่นชอบ ส่งผลให้เซ็กเมนท์กาแฟในบ้านเติบโตถึง 12% และยังมีโอกาสเติบโตต่อไปอีกมาก โดยเฉพาะ Home Coffee เซ็กเมนท์พรีเมียมที่กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้น

4 เหตุผลได้เวลา “กาแฟพันธุ์ไทย” เขย่าตลาด Home Coffee
จากจุดเริ่มต้นของ “กาแฟพันธุ์ไทย” เมื่อ 11 ปีที่แล้วเปิดให้บริการสาขาแรกภายในสถานีบริการน้ำมัน PT สาขาบางปะหัน บนจุดยืนความเป็นกาแฟไทยที่สนับสนุนคนไทย เกษตรกรไทย และใช้วัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพมารังสรรค์เป็นเมนูต่างๆ ทั้ง Coffee และ Non-coffee เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพให้เกษตรกร-คนในชุมชน และสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศไทย ตลอดจนการร่วมอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และธรรมชาติ

ถึงวันนี้ กาแฟพันธุ์ไทย เป็นหนึ่งใน Brand Portfolio ของกลุ่มธุรกิจ Non-oil ในเครือ PTG ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้ง การขยายสาขา ปัจจุบันมีกว่า 800 สาขา ตั้งเป้าภายในปีนี้จะมี 1,000 สาขา พร้อมทั้งเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่องให้ครอบคลุมทั่วประเทศอีกกว่า 800 สาขา ภายในปี 2567 และ ด้านยอดขาย ที่เติบโตถึง 80% มากกว่าภาพรวมตลาดกาแฟประเทศไทยที่เติบโตโดยเฉลี่ย 9.5%โดยคาดว่าจะทำยอดขายทั้งปีนี้ได้กว่า 1,700 ล้านบาท

ไม่เพียงแต่เดินหน้ารุกตลาดกาแฟนอกบ้านเท่านั้น “กาแฟพันธุ์ไทย” ยังได้ต่อยอดความแข็งแกร่งด้านแบรนด์, สาขา, องค์ความรู้ด้านการรังสรรค์เครื่องดื่ม และการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพสูง สู่การรุกตลาด “Home Coffee” เพื่อรับเทรนด์ผู้บริโภคชอบดื่มด่ำกาแฟพรีเมียมที่บ้าน

ด้วยการสร้างสรรค์คอลเลคชันใหม่สุดเอกซ์คลูซีฟ “9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย” มีให้เลือกมากถึง 9 รสชาติ จาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟชั่นนำระดับประเทศ ถือเป็นก้าวสำคัญของกาแฟพันธุ์ไทยที่ beyond ไปมากกว่าการเป็นร้านคาเฟ่ และเป็นการเขย่าตลาดกาแฟในบ้าน เซ็กเมนท์พรีเมียม ด้วย 4 เหตุผลของการลุยตลาด Home Coffee

สร้างการเติบโตใหม่ ด้วยโมเดลธุรกิจใหม่ (New Growth – New Business Model)
ต่อยอดความแข็งแกร่งของการเป็นร้านกาแฟพันธุ์ไทยที่เปิดสาขาทั้งในสถานีบริการน้ำมัน PT และนอกสถานีบริการน้ำมัน เช่น ตามย่านชุมชน ย่านออฟฟิศ ช้อปปิ้งมอลล์ และคอมมูนิตี้มอลล์ต่างๆ ด้วยการขยายสู่ตลาด Home Coffee เพื่อสร้างฐานตลาด In-home Consumption สำหรับแบรนด์กาแฟพันธุ์ไทย

สอดรับเทรนด์ Home Coffee ที่เติบโตในตลาดพรีเมียมมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคคุ้นชินกับประสบการณ์การดื่มและชงกาแฟดื่มเองในบ้านด้วยเมล็ดกาแฟคุณภาพดีตามที่ตัวเองชื่นชอบ ซึ่งที่ผ่านมา กาแฟพันธุ์ไทย มองเห็นโอกาสจึงขยายไลน์สินค้าและเดินหน้าพัฒนาโปรดักต์ในตลาด Home Coffee มาอย่างต่อเนื่อง

ไม่ว่าจะเป็น กาแฟพันธุ์ไทย สเปเชียล เบลนด์ กาแฟพิเศษ เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้ลูกค้าได้ลิ้มลองทั้ง เมนูนัตตี้ สเปเชียล เบลนด์ กาแฟคั่วกลาง กลิ่นและรสชาติออกแนวดาร์คโกโก้มีความเป็นช็อกโกแลต ปนอัลมอนด์ปลายๆ และ ฟรุตตี้ สเปเชียล เบลนด์ ให้ความเปรี้ยวสดชื่นของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ออกหวานปลายๆ กลิ่นหอมละมุน และต่อเนื่องมาถึงการเปิดตัว “9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย” ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดนี้ พร้อมทั้งยังมีแผนต่อยอดขยายตลาด Home Coffee ในรูปแบบกาแฟพรีเมียมอื่นๆ เช่น กาแฟแคปซูล ต่อไปในอนาคต

ทำความรู้จัก “กาแฟดริปรักษ์โลก” 9 รสชาติจาก 9 ดอย ด้วยการจับมือนักสร้างสรรค์กาแฟชั้นนำของไทย
นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของตลาด Home Coffee ในบ้านเรา สำหรับผลิตภัณฑ์ “9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย” ที่ยกระดับวงการกาแฟดริป ด้วยการนำเสนอกาแฟคุณภาพสูงจากการสร้างความร่วมมือ (Collaboration) กับสุดยอด “นักสร้างสรรค์กาแฟชั้นนำชองไทย” (Processor) 9 ท่าน ซึ่งในวงการกาแฟทราบดีว่าแต่ละคนนั้น หาตัวจับยาก! แต่ แบรนด์พันธุ์ไทย สามารถรวบรวมได้

เพื่อร่วมกันพัฒนากาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทยที่ผ่านขั้นตอนพิถีพิถัน ตั้งแต่การเลือกแหล่งปลูกกาแฟคุณภาพสูง คัดเลือกเมล็ดพันธุ์ การปลูก การดูแลจนได้ต้นกาแฟที่มีผลเชอร์รี่สุกให้เก็บเกี่ยว การคัดเลือกสารกาแฟ การคั่วหาโพรไฟล์ที่ดีที่สุด และ Cupping กันหลายต่อหลายครั้ง ได้ออกมาเป็นกาแฟดริป 9 รสชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และรวมไว้อยู่ในคอลเลคชันเดียวกัน ประกอบด้วย
บ้านป่าเมี่ยง โดย คุณวัลลภ ปัสนานนท์ จาก จ.เชียงใหม่
บ้านแม่ตอนหลวง โดย คุณเอก สุวรรณโณ จาก จ.เชียงใหม่
บ้านมณีพฤกษ์ โดย คุณเคเลบ จอร์แดน จาก จ.น่าน
บ้านแม่ลาน้อย โดย คุณแดง ดูลาเปอร์ จาก จ.แม่ฮ่องสอน
กัลยาณิวัฒนา โดย คุณแสนชัย จูเปาะ จาก จ.เชียงใหม่
บ้านดอยผักกูด โดย คุณชาติชาย คะบู่ จาก จ.แม่ฮ่องสอน
บ้านท่าสองยาง โดย คุณเปา เลอตอโกลด์ จาก จ.ตาก
บ้านดอยช้าง โดย คุณอัคคเดช เปียวเชกู่ จาก จ.เชียงราย
บ้านมณีพฤกษ์ โดย คุณวิชัย กำเนิดมงคล จาก จ.น่าน

ตอกย้ำวิสัยทัศน์พัฒนาวงการกาแฟไทย – สร้างความยั่งยืนเกษตรกรไทย และสิ่งแวดล้อม
การออกคอลเลคชันพิเศษ “9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย” พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “มุ่งปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความยั่งยืนลงบนผืนแผ่นดินไทย” เป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์ และแก่นของแบรนด์กาแฟพันธุ์ไทย (Brand Essence) ที่มุ่งมั่นพัฒนาและสร้างความยั่งยืน (Sustainability) ให้กับวงการกาแฟไทยตลอดทั้ง Supply Chain เพื่อยกระดับระบบนิเวศทุกภาคส่วนของธุรกิจกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ

ผ่านโครงการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าบนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน ส่งเสริมให้เกษตรกรท้องถิ่นปรับเปลี่ยนการทำไร่เลื่อนลอย มาเพิ่มพื้นที่ปลูกกาแฟ และใช้วัตถุดิบท้องถิ่น เพื่อสร้างรายได้ สร้างอาชีพ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกร และคนในชุมชนได้ “อยู่ดี มีสุข” ควบคู่กับการมีส่วนสำคัญในการดูแลรักษาป่าไม้และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เพราะจะเห็นได้ว่าวัตถุดิบที่คัดสรรมาจาก 9 ดอยแหล่งปลูก โดยนักสร้างสรรค์กาแฟชั้นนำทั้ง 9 คน มีจุดร่วมเดียวกัน นั่นคือ การให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งแนวคิดและการพัฒนาแหล่งปลูกกาแฟที่ผสานกับวิถีธรรมชาติ อยู่ร่วมกับธรรมชาติ ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และให้ผลผลิตคุณภาพสูง พร้อมทั้งสร้างองค์ความรู้ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่อย่างยั่งยืนให้กับเกษตรกรและชุมชน

นอกจากนี้ กาแฟพันธุ์ไทยยังได้สนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน อย่างการออกแบบบรรจุภัณฑ์ “9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย” ด้วยภาพวาดลายเส้นสีน้ำที่งดงามและดีต่อโลก เพราะใช้กระดาษรีไซเคิล 70% สามารถย่อยสลายได้ง่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

รวมถึงการพัฒนาแก้วเครื่องดื่มพันธุ์ไทยให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้วัสดุที่ผลิตจาก ไบโอพลาสติก (Bioplastic หรือ Bio-Based Plastic) สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ด้วยส่วนประกอบของมันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด ซึ่งเป็นวัตถุดิบธรรมชาติ พร้อมสนับสนุนผลผลิตจากชุมชนและสร้างรายได้ให้เกษตรกรไทย เพื่อให้เครื่องดื่มทุกแก้วของพันธุ์ไทยปลอดภัย ดีต่อโลกและผู้บริโภคอย่างยั่งยืน

เชื่อมโยงแบรนด์กาแฟพันธุ์ไทยเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากขึ้น
การขยายโปรดักต์ ไลน์สู่ตลาด Home Coffee เป็นการเพิ่มโอกาสเชื่อมโยงแบรนด์กาแฟพันธุ์ไทยเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ หรือชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านก็มีผลิตภัณฑ์ Home Coffee คุณภาพพรีเมียม และเมื่อออกนอกบ้าน ก็เจอคาเฟ่ร้านกาแฟพันธุ์ไทยที่มีสาขาทั้งในสถานีบริการน้ำมัน และตามสถานที่ต่างๆ นอกสถานีบริการน้ำมัน

โดยช่วยสร้างแบรนด์ดิ้งให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้ง Brand Awareness การรับรู้ในแบรนด์เพิ่มขึ้น, เกิด Brand Remind ว่าเมื่อไรก็ตามที่นึกถึงกาแฟคุณภาพพรีเมียม จะนึกถึงกาแฟพันธุ์ไทย ไม่ว่าจะใช้บริการผ่านร้านคาเฟ่ หรือรูปแบบ Home Coffee และสร้าง Brand Trust หรือความเชื่อมั่นในแบรนด์จากวิสัยทัศน์ และพันธกิจของแบรนด์พันธุ์ไทยในการมุ่งสนับสนุน Ecosystem อุตสาหกรรมกาแฟในประเทศไทย ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

ชูกลยุทธ์การสื่อสารด้วย “Sensory Marketing” ดื่มด่ำกาแฟดริป ฮีลใจด้วยเสียงธรรมชาติ
ความพิเศษสุดว้าวของกาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทยยังไม่หมดเพียงแค่นี้! เพื่อให้สมกับเป็นคอลเลคชัน Limited Edition แห่งปี ในด้านการตลาดและการสื่อสาร ก็ได้ใช้กลยุทธ์ “Sensory Marketing” เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคได้ดื่มด่ำครบทั้งประสาทสัมผัสทั้ง 5 ด้วยการสร้างสรรค์ “9 SOUNDS FROM 9 FORESTS’ by PUNTHAI – 9 เสียงธรรมชาติ จาก 9 แหล่งปลูกกาแฟ”

โดยได้แรงบันดาลใจมาจากคอลเลกชัน 9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย มาจาก 9 ดอย จาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟชั้นนําของเมืองไทย ได้ปลูกและดูแลรักษาป่าอย่างตั้งใจ จึงอยากให้ทุกคนได้ฟังเสียงจากป่ายอดดอยทั้ง 9 ดอยอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นแหล่งปลูกกาแฟ เพื่อดื่มด่ำกาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย พร้อมกับสัมผัสเสียงของผืนป่าในรูปแบบ ASMR คลอเสียงลม เสียงนก เสียงฝนไปพร้อมๆ กัน โดยสามารถเข้ามาฟังใน Spotify ไว้ฮีลใจได้ทุกเวลา https://open.spotify.com/playlist/0Gi29e4gGgBbmKEUevt48m?si=1972bd2d808a4000

นอกจากนี้ ยังได้ออกแบบ “DARK ROAST WALLPAPER by PUNTHAI” วอลเปเปอร์สีมืดที่ช่วย Save โลกได้ง่ายที่สุด ด้วยแนวคิดการ Save ป่า… ที่ไม่ได้ชวนให้คุณออกไปปลูกป่า แต่อยากชวนให้คุณกด Save เพราะนี่คือ “Dark Roast Wallpapers by PUNTHAI” โดยมีทั้งวอลเปเปอร์มือถือ และวอลเปเปอร์สำหรับคอมพิวเตอร์ ที่ตั้งใจออกแบบมาให้ “สีมืดกว่าปกติ” เหมือนกับสีกาแฟดริปสไตล์พันธุ์ไทย เพราะวอลเปเปอร์สีมืดจะใช้พลังงานแบตเตอรี่น้อยกว่าภาพที่สว่าง แม้นี่จะเป็นแค่พลังงานเพียงเล็กน้อย แต่หากช่วยกัน Save ไปใช้ หลายๆ คนหลายๆ เครื่อง เราทุกคนก็เป็นส่วนเล็กๆ ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของโลกนี้ได้
– วอลเปเปอร์สำหรับ Mobile
– วอลเปเปอร์สำหรับ Desktop

สำหรับผู้ที่สนใจคอลเลคชัน “9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย” ที่นอกจากจะได้สนับสนุนชุมชนและเกษตรกรไทยแล้ว ยังสามารถนำไปมอบเป็นของขวัญแด่คนที่คุณรักในเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ มีให้เลือกซื้อ หรือสะสม 2 แบบ กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย (Punthai Drip Coffee Box) บรรจุกาแฟดริป 9 ซอง จาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟ ราคา 325 บาท และ กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย พรีเมียมเซต (Punthai Drip Coffee Premium Set) บรรจุกาแฟดริปจาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟ ที่มาพร้อมกาดริปและแก้วกาแฟ ราคา 1,899 บาท วางจำหน่ายที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทยทุกสาขาที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 – 31 มกราคม 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด

ใครที่ซื้อเป็นของฝาก รับรองได้ว่าประทับใจทั้งผู้รับ สุขใจทั้งผู้ให้ ส่วนใครที่ซื้อสำหรับทำดื่มเองที่บ้าน นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับกาแฟคุณภาพพรีเมียมแล้ว ยังได้อิ่มใจกับการเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนกาแฟไทย เกษตรกรไทย และร่วมอนุรักษ์ธรรมชาติ เพราะทุกครั้งที่ดริป เท่ากับคุณจะได้ชุบชีวิตผืนป่าไปกับกาแฟดริปพันธุ์ไทย

 

ที่มา: https://www.marketingoops.com/news/biz-news/punthai-home-coffee/ 

วันที่ 22 ธันวาคม 2566