หลังจากที่ EU ได้มีการประกาศข้อกำหนดเพื่อแนวทางที่ยั่งยืนอย่าง “Together for Sustainable Packaging” เมื่อเมษายน 2566 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับข้อกำหนดในการนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ (reuse) ให้มากกว่าการรีไซเคิล (recycle) ใน EU’s Packaging and Packaging Waste Regulation (PPWR) ส่งผลให้มีความคิดเห็นไม่ตรงกันในประเด็น การนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ ซึ่งจะต้องนำบรรจุภัณฑ์นั้นกลับมาใช้ซ้ำ 50 - 100 ครั้ง จึงจะส่งผลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าการใช้บรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียว (single use) แต่จากการศึกษาวิจัยโดย Kearney ระบุว่าเป็นได้ยากมากที่จะมีการใช้ซ้ำมากในระดับนั้น และการใช้ซ้ำนี้อาจส่งผลให้มีปริมาณการใช้พลาสติกในยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเป้าหมายการใช้ซ้ำที่เสนอใน PPWR จะสร้างปริมาณขยะบรรจุภัณฑ์พลาสติกในร้านอาหารถึง 4 เท่า และปริมาณขยะบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับนำกลับบ้านถึง 16 เท่า ทั้งนี้ สำหรับการนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่จำเป็นต้องล้างทำความสะอาดหลังการใช้ทุกครั้ง ซึ่งขัดต่อปัญหาความแห้งแล้ง และการขาดแคลนน้ำที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และจากการวิจัย Life cycle assessment (LCA) โดย Ramboll แสดงให้เห็นว่า การนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ต้องใช้น้ำมากกว่าการใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษที่ใช้ครั้งเดียวถึง 3.4 เท่า และอาจทำให้เพิ่มการใช้น้ำโดยรวมมากถึง 267% ซึ่งยังไม่รวมถึงกระบวนการผลิต การล้าง การทำแห้ง และการขนส่ง ซึ่งต้องใช้พลังงานมากส่งผลกระทบต่อการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ที่มา: https://packaging.oie.go.th/new/readmore_news.php?view=7&newsid=23081