ก้าวต่อไปของ SIG เติบโตไปพร้อมกับนวัตกรรมที่ยั่งยืน

ปัจจุบันผู้คนหันมาใส่ใจในสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของผู้บริโภครวมไปถึงส่วนประกอบต่าง ๆ ที่อยู่ในอาหารและเครื่องดื่ม และสิ่งที่มองข้ามไม่ได้คือ “บรรจุภัณฑ์” เพราะเป็นสิ่งที่ป้องกันอาหารและเครื่องดื่มจากสภาพแวดล้อมภายนอก เป็นตัวช่วยยืดอายุอาหารและเครื่องดื่มให้อยู่ได้นานมากขึ้น โดยบรรจุภัณฑ์จำเป็นต้องสะอาดและปลอดภัยต่อผู้บริโภคอีกด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ตัวบรรจุภัณฑ์ยังต้องมีกระบวนการผลิตที่ยั่งยืนและสามารถรีไซเคิลได้ เพื่อลดขยะและมลภาวะที่จะกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในอนาคต และในฐานะผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์ชั้นนำของโลกอย่างเอสไอจี นำโดย วัชรพงศ์ อึงศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการเขตประเทศไทย ลาว พม่าและกัมพูชา บริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อค จำกัด การพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อผู้บริโภค คือสิ่งแรกที่เอสไอจี ให้ความสำคัญ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของเอสไอจี จะไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน

“SIG” ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์ชั้นนำของโลก

บริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อค จำกัด หรือ SIG คือ ผู้ให้บริการโซลูชันบรรจุภัณฑ์ชั้นนำของโลก ด้วยนวัตกรรมที่โดดเด่น และการจัดการที่ชาญฉลาด โดยเอสไอจีให้ความสำคัญกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผู้บริโภค ที่ในปัจจุบันได้หันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังใส่ใจในเรื่องความยั่งยืนควบคู่กันมาโดยตลอด ภายใต้เป้าหมายในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ดียิ่งขึ้น เพื่อส่งมอบสิ่งดี ๆ ให้กับลูกค้า ผู้บริโภค และโลกของเรา

โดยเอสไอจีมีผลิตภัณฑ์ใน 4 หมวด ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อ (aseptic carton) บรรจุภัณฑ์แบบกล่องแช่เย็นสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม (Chilled Carton) บรรจุภัณฑ์แบบถุง/ซองพร้อมฝา (spouted pouch) และบรรจุภัณฑ์แบบแบ็กอินบ๊อก (Bag in Box) ที่มีขนาดบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง

เอสไอจีมีศูนย์เทคโนโลยี 5 แห่งทั่วโลกที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อพัฒนาโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยประเทศไทยเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ในระดับภูมิภาคของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อและบรรจุภัณฑ์แบบกล่องแช่เย็นในจังหวัดระยอง โดยโรงงานเอสไอจี ระยองเริ่มดำเนินการในปี 2541 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 109,600 ตารางเมตร โดยบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจัดส่งให้กับลูกค้าในเอเชียแปซิฟิก เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น และมีศูนย์เทคโนโลยีตั้งอยู่ในเมืองซูโจว ประเทศจีน ซึ่งเอสไอจีดำเนินการผลิตภายใต้หลักธรรมาภิบาลโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงานเป็นสำคัญ

เอสไอจีเป็นบริษัทชั้นนำของโลกก่อตั้งมาแล้วมากกว่าร้อยปีและเป็นบริษัทชั้นนำในการผลิตบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อ ปัจจุบันจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สวิสเซอร์แลนด์และเป็นบริษัทชั้นนำของยุโรป ซึ่งแน่นอนว่ามีความน่าเชื่อถือทั้งในเรื่องเทคโนโลยีความเป็นโพรเฟสชั่นแนล ความโปร่งใสและอื่น ๆ

นวัตกรรมและเทคโนโลยีของ SIG

เครื่องบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อรุ่นใหม่ของเอสไอจีคือ Neo Vita 18 เป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีล่าสุดของเอสไอจีที่มีประสิทธิภาพการผลิตที่เพิ่มขึ้นและช่วยลดต้นทุน เป็นเครื่องบรรจุที่เร็วที่สุดในโลกสำหรับบรรจุภัณฑ์ขนาดครอบครัวด้วยความเร็วสูงสุด 18,000 แพ็คต่อชั่วโมง มีอัตราการปลอดเชื้อที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันขณะที่สามารถลดการใช้ทรัพยากรได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 25% เมื่อเทียบกับเครื่องบรรจุภัณฑ์รุ่นปัจจุบันในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ขนาดครอบครัว

บรรจุภัณฑ์ของเอสไอจีได้พัฒนาให้มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดยวัสดุที่ใช้ผลิตจะสามารถรีไซเคิลได้ ตัวอย่างจากการร่วมกับบริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด ในการเปิดตัวสินค้าที่ใช้บรรจุภัณฑ์ “SIG Terra Forest-based polymers” โดยใช้โพลีเมอร์ที่ผลิตมาจากพืชอย่างยางสน แทนพลาสติกที่ทำจากปิโตรเลียมจากฟอสซิล ภายใต้แนวคิด “Plant Base Milk in Plant based pack นมจากพืชในบรรจุภัณฑ์จากพืช”


นอกจากนี้ยังได้พัฒนาบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อหรือกล่องยูเอชที (UHT) แบบไม่มีชั้นอะลูมิเนียม หรือ อะลูฟรี ที่มีคุณสมบัติในการปกป้องผลิตภัณฑ์ได้เท่าเดิมหรือดีกว่าเดิม ซึ่งบรรจุภัณฑ์ที่ปราศจากชั้นอะลูมิเนียมนี้เป็นอนาคตของบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากโซลูชันนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมากเมื่อเทียบกับวัสดุที่ใช้ในการบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อแบบมาตรฐาน ซึ่งโรงงานที่ประเทศจีนได้เปิดตัวบรรจุภัณฑ์ปราศจากชั้นอะลูมิเนียมนี้เป็นครั้งแรก โดยด้านในกล่องจะเป็นชั้นแบริเออร์ที่สามารถนำไปย่อยสลายได้ทั้งหมด และผลิตภัณฑ์นี้มีคุณภาพการเก็บรักษา และรสชาติคงเดิม

“สำหรับอะลูฟรีในเอเชีย ประเทศจีนออกผลิตภัณฑ์ครั้งแรกไปแล้ว และในอนาคตอันใกล้นี้เราคงได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นมานี้ขึ้นมาใช้ในประเทศไทยเราเรียกว่า อะลูฟรี ผมคาดว่าจากนี้ไม่เกิน 2 ปีผลิตภัณฑ์ที่ใช้บรรจุภัณฑ์อะลูฟรีจะเริ่มใช้ในประเทศไทย เพราะก่อนที่เขาจะใช้งานจริงก็จะต้องมีการทดสอบเสียก่อนจนมั่นใจแล้วว่าประสิทธิภาพได้ตามที่ต้องการจึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ โดยจะนำอะลูฟรีมาผลิตที่โรงงานที่จังหวัดระยอง”

จุดแข็งที่สำคัญของ SIG

จุดแข็งที่เอสไอจีมีคือ การมอบโซลูชั่นแบบครบวงจรให้แก่ลูกค้า ทั้งความยืดหยุ่นและนวัตกรรมที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง โดยเอสไอจีมีประเภทของบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย ทั้งบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อและบรรจุภัณฑ์แบบกล่องแช่เย็น บรรจุภัณฑ์แบบแบกอินบ๊อก และบรรจุภัณฑ์แบบถุง/ซองพร้อมฝา รวมไปถึงขนาดของบรรจุภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งทางเลือกที่มากขึ้นในแง่ของปริมาตร การปิดผนึก และวัสดุบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการเชื่อมต่อและตัวเลือกในช่องทางต่าง ๆ ผนวกกับเทคโนโลยีการบรรจุแบบถุงสวม ที่เมื่อรวมกับบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อแล้ว ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผู้บริโภค

โดยเครื่องจักรของเอสไอจีสามารถปรับเปลี่ยนขนาดของบรรจุภัณฑ์ที่แตกต่างได้โดยไม่ต้องหยุดกระบวนการผลิต เพียงใส่วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการลงในเครื่องบรรจุก็สามารถบรรจุผลิตภัณฑ์ต่อได้ทันที ซึ่งเทคโนโลยีนี้เป็นผลดีกับลูกค้าอย่างมาก เพราะเครื่องบรรจุภัณฑ์ของเอสไอจีสามารถปรับเปลี่ยนขนาดบรรจุภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็วเพื่อผลิตสินค้าในขนาดที่แตกต่างกันได้ ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากในการขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้เศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ ได้โดยไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่ที่มีราคาแพง และโรงงานอัจฉริยะและชุดอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อของเอสไอจีที่เพิ่มเข้ามา โดยมีมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของผู้บริโภคและลูกค้าตามลำดับ

“เรามีความยืดหยุ่น เครื่องจักรเครื่องเดียวสามารถผลิตกล่องออกมาได้หลาย ๆ ไซส์พร้อมกันในเครื่องจักรเครื่องเดียวสามารถเปลี่ยนขนาดของกล่องได้ในเวลา 10 ถึง 15 นาทีเท่านั้น เครื่องบรรจุ 1 เครื่องสามารถทำได้ถึง 9 ขนาด บรรจุภัณฑ์เหล่านี้เราสามารถผลิตได้หลากหลายขนาด ลูกค้าเราเข้าซื้อเครื่องจักรของเราไปเครื่องนี้ลงทุนครั้งเดียว แต่สามารถปรับเปลี่ยนสายได้ 9 ขนาด อันนี้คือจุดแข็งของเราและตอบโจทย์ภายใต้สภาวะที่ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนเร็วมาก ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ในการเพิ่มเพิ่มขนาดลดขนาดหรือปรับเปลี่ยนรสชาติใหม่สามารถเปลี่ยนได้ทันที โดยไม่ต้องลงทุนเครื่องใหม่อันนี้เป็นจุดการที่เหนือกว่าคู่แข่งมาก”

ความยั่งยืนที่มอบสู่สังคม

กล่องเครื่องดื่มยูเอชทีสามารถรีไซเคิลและนำไปทำเป็นวัสดุต่าง ๆ ได้ แต่ไม่สามารถเอามารีไซเคิลแล้วทำกลับมาเป็นกล่องยูเอชทีและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และยังมีขั้นตอนการทำความสะอาดก่อนจะนำมารีไซเคิล อีกทั้งยังไม่สามารถรีไซเคิลได้ทั้งหมด ซึ่งแตกต่างจากขวดพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้มากกว่า และสามารเอากลับมาขึ้นรูปเป็นแบบเดิมได้

เอสไอจีที่ตระหนักถึงปัญหานี้จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตร ที่สามารถที่นำส่วนที่รีไซเคิลไปผลิตเป็นเม็ด ขึ้นรูปได้แล้วนำไปผลิตเป็นโต๊ะเก้าอี้เป็นหลังคา โดยได้จัดทำโครงการรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่มยูเอชทีร่วมกับพันธมิตร โดยสร้างเป็นโรงอาหารให้กับโรงเรียนในนิคมที่จังหวัดระยอง ซึ่งใช้กล่องนมไปกว่า 4 ล้านกล่องในการทำหลังคา และเมื่อปี 2566 เอสไอจีได้ร่วมกับซีพีออลล์ และพันธมิตร ทำโครงการ Green Cafe ที่โรงเรียนอนุบาลทับสะแก โดยเอสไอจีได้ให้การสนับสนุนวัสดุก่อสร้างด้วยกล่องเครื่องดื่มรีไซเคิล เช่น ฝาผนัง หลังคา

นอกจากนี้ โรงงานของเอสไอจีที่จังหวัดระยองยังได้ลดการปล่อยคาร์บอนลงทุก 3 ปี และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกเป็นผู้รับรองให้ ซึ่งเอสไอจีทำต่อเนื่องติดต่อกันมากว่า 10 ปี ทำให้การใช้พลังงานการผลิตลดลงมากยิ่งขึ้น

“กล่องเครื่องดื่มไม่สามารถนำกลับมาทำเป็นกล่องเครื่องดื่มแบบเดิมได้เพราะต้องการความสะอาด สุขอนามัยค่อนข้างสูง และเราก็พยายามรณรงค์อยู่เพื่อให้กล่องเครื่องดื่มกลับมาสู่ระบบให้ได้ และเมื่อพูดถึงเรื่องรักโลก เริ่มจากเรามีโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ระยอง สิ่งที่เราทำอันดับแรกและทำมาเป็น 10 ปีแล้วคือคาร์บอนฟุตปริ้นปล่อยการ์ดลดลงทุก 3 ปี รับรองโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เราลดการปล่อยดลงตลอดจนได้รับโลโก้สีทอง การผลิตเราก็ดีขึ้นขยะเหลือทิ้งก็น้อยลงใช้พลังงานน้อยลง”

ทิศทางธุรกิจของเอสไอจีในปี 2024

เอสไอจี ผู้นำการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ที่ดีกว่าสำหรับลูกค้า ผู้บริโภค และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมให้การสนับสนุนลูกค้า เพื่อให้ทุกคนสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง ภายใต้แนวทางต่อไปนี้


จัดการความยืดหยุ่นได้อย่างโดดเด่น

นวัตกรรมเทคโนโลยีที่เป็นจุดแข็งของเอสไอจี คือเครื่องบรรจุที่สามารถบรรจุผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ถึง 9 ขนาดตั้งแต่ 80 มล. – 200 มล. ภายในเครื่องเดียวกัน ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการธุรกิจและรักษาโอกาสทางการตลาดไว้ได้ โดยไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่

ตอบสนองวัตถุประสงค์ในด้านความยั่งยืน

การยกระดับบรรจุภัณฑ์คาร์บอนต่ำที่มีความยั่งยืน จำเป็นต้องมีนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่สามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน และความสามารถในการจัดการสิ่งเหล่านี้ได้ในกระบวนการบรรจุ ซึ่งเอสไอจี สามารถตอบสนองความต้องการได้ทั้งสองประการ ซึ่งเอสไอจีมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ Terra ที่เสนอทางเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น และลดคาร์บอน อีกทั้งยังตั้งเป้าหมายที่จะให้บรรจุภัณฑ์ทั่วโลกมีปริมาณกระดาษถึง 90% ภายในปี 2573 ซึ่งจะทำให้สามารถรีไซเคิลได้ง่ายและจำนวนมากขึ้น และยังคงคุณประโยชน์ในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพมาสู่ทุกคน

ประสิทธิภาพในเครื่องบรรจุภัณฑ์

ปัจจุบันผู้บริโภคมีแนวโน้มความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กระบวนการผลิตของผู้ผลิตต้องการจึงจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นสูง คล่องตัว และชาญฉลาด เพื่อรองรับช่วงเวลาของผลผลิตที่สูงขึ้นตลอดจนการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เครื่องบรรจุภัณฑ์ของ SIG ได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพการบรรจุที่สูงสำหรับบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อ และยังมีอัตราการสูญเสียต่ำที่สุดในอุตสาหกรรมเพียง 0.5% หรือน้อยกว่า และเป้าหมายต่อไปในอนาคตคือการปรับปรุงเครื่องบรรจุภัณฑ์ เพื่อลดอัตราการสิ้นเปลืองทางเทคนิคของเครื่องบรรจุภัณฑ์ในระหว่างการบรรจุให้ลดต่ำกว่า 0.3% ภายในปี 2030

“ผลิตภัณฑ์ของเราเน้นความยืดหยุ่นสูง เข้ากับแนวโน้มและเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเรามีปรัชญา ข้อแรกคือนอกจากการตอบแทนคืนสู่สังคมแล้ว เราต้องการเป็นผู้ผลิตที่จำหน่ายเครื่องบรรจุและบรรจุภัณฑ์กล่องเครื่องดื่ม ที่ซัพพลายถึงผู้บริโภคที่เป็น Safe way ที่ปลอดภัยมีคุณภาพมีไฮจีนมาก ๆ สองคือเราต้องการให้ถึงมือผู้บริโภคในแง่ของการให้ถึงมือผู้บริโภคในแง่ของการรักษ์โลกสิ่งแวดล้อม ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลง อันที่สามคือเราต้องการให้ถึงมือผู้บริโภคในราคาที่จับต้องได้ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เรามุ่งมั่น คือคุณภาพดี ปลอดภัย รักโลก และราคาสมเหตุสมผล และเมื่อเราพัฒนาไปเรื่อย ๆ แล้วราคาก็จะกลับมาในระดับที่สมเหตุสมผลในราคาที่ผู้บริโภคซื้อได้ ถึงจะเป็นความยั่งยืนที่แท้จริง”

อย่างไรก็ตาม เทรนด์รักษ์โลกในปัจจุบันที่มีแนวโน้มที่เติบโตสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดไม่แพ้การรักสุขภาพ เอสไอจีที่มีนวัตกรรมความยืดหยุ่นที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ได้ทำการพัฒนาเครื่องบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Neo Vita 18 ที่ช่วยประหยัดการใช้ทรัพยากรได้ดีขึ้น และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 25% และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ปราศจากอะลูมิเนียม ที่คาดว่าจะเปิดตัวในอีก 2 ปีข้างหน้าเพื่อช่วยให้นำไปรีไซเคิลได้มากขึ้น ซึ่งการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ล้วนมาพร้อมกับการลงทุน แต่เอสไอจีเองมั่นใจว่าหากเป็นการลงทุนเพื่อผู้บริโภค และเพื่อสิ่งแวดล้อมของโลกใบนี้แล้วย่อมคุ้มค่าเสมอ

“ผมเชื่อว่ามันไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายหรือต้องพัฒนาอะไรเพิ่มเติมมากเรียกว่าไม่มีการลงทุนใหญ่ แต่จะทำให้เราเห็นภาพของความยั่งยืนที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น อันนี้เราทำเพื่อประเทศเลยเราไม่ได้คำนึงว่าจะต้องลงทุนเพื่อทำอะไรให้ถูกลง” วัชรพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย

 

ที่มา: https://www.thaipackmagazine.com/activity/news/sig-packaging-2024/ 

วันที่ 15 มีนาคม 2567