บรรจุภัณฑ์สำหรับคน GEN Z

มีบทความมากมายเกี่ยวกับคนรุ่นมิลเลนเนียล ซึ่งแต่ละบทความจะอธิบายว่าคนรุ่นนี้แตกต่างจากคนรุ่นก่อนอย่างไร ซึ่งสามารถหาอ่านได้ในอินเทอร์เน็ต แต่วันนี้ผมจะขอฉายภาพให้เพื่อน ๆ เข้าใจตรงกัน

ทำเพื่อคน Generation Z ไปทำไม

มาเริ่มจากข้อมูลกัน คนรุ่นมิลเลนเนียลในปัจจุบันทั้งโลกคิดเป็นประมาณ 32% และมีกำลังซื้อมหาศาลถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์ใน ค.ศ. 2025 ด้วยกำลังซื้อที่สูงขนาดนี้และในฐานะที่คนกลุ่มนี้เติบโตมากับการใช้เทคโนโลยีใหม่ และเป็น Generation ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสูงมาก จึงเป็นที่ยอมรับว่าการกำหนดเป้าหมายการออกแบบที่จะประสบความสำเร็จสำหรับคนรุ่น Generation Z จะเป็นปัจจัยหลักในการอยู่รอดของแบรนด์ต่าง ๆ ในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อยังคงสร้างความต่อเนื่องความเชื่อมโยงให้เกิดกับแบรนด์

หากพิจารณาจากพลวัตในอดีต การมีความเชื่อมโยงแบรนด์กับผู้บริโภคในสมัยก่อนนั้นน้อยมาก เพราะช่องทางการสื่อสารแคบ มีเฉพาะสื่อ Traditional Media ซึ่งแตกต่างกับในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง คนรุ่น Generation Z ถ้าเขารู้ว่าผลิตภัณฑ์ใดด้อยคุณภาพ หรือการบริการไม่ดี หรือไม่เป็นไปตามความคาดหวัง เพราะพวกเขาจะค้นหา เปรียบเทียบทางเลือกอื่นได้ในทันที โดยใช้จากเซิร์ช อีกทั้งยังใช้ Social Media เพื่อวิพากษ์วิจารณ์และแบ่งปันกันอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ คนรุ่น Generation Z จึงถูกประเมินว่ามี Brand Loyalty จะต่ำกว่าคนรุ่นก่อน ๆ ถึง 70-80% ความสำคัญอีกเรื่องที่ไม่แพ้กันคือ ภาพลักษณ์ของผู้บริโภค การแสดงออกถึงตัวตน รสนิยม ไลฟ์สไตล์ในโลกดิจิทัล จึงหมายความว่าผลิตภัณฑ์นั้นต้องมีภาพลักษณ์ที่เหมาะกับพวกเขา (เนื่องจากคนรุ่น Generation Z เชื่อมต่อกันทั่วโลกเป็นปกติ ชอบซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้นและยังต้องการ Instagrammable) เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้มีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น ทำให้หลาย ๆ แบรนด์ระดับโลกต้องมา Rebranding กัน

วันนี้ผมมาสรุปสิ่งที่ควรต้องทำในการออกแบบให้เหมาะสมกับกลุ่มคนรุ่น Generation Z ว่าต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้าง พร้อมยกตัวอย่างประกอบเพื่อให้เพื่อน ๆ ได้เห็นภาพ

1.ความเรียบง่าย เข้าใจง่าย ชัดเจน

บรรจุภัณฑ์แบบเดิม ๆ ที่ซับซ้อนนั้นถือเป็นอุปสรรคต่อการซื้อและยากต่อการประมวลผล คนรุ่น Gen Z ชอบการออกแบบที่เรียบง่ายซึ่งเน้นความเรียบง่ายและความชัดเจน เพราะในโลกที่ Generation Z ถูกโจมตีด้วยข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบรรจุภัณฑ์ที่สามารถตัดสิ่งรบกวนและสื่อสารวัตถุประสงค์ได้อย่างชัดเจนจะตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้ เช่น Oikos แบรนด์กรีกโยเกิร์ตสัญชาติอเมริกัน ออกแบบให้ผลไม้ดูจริง ชุ่มฉ่ำและน่ากิน วางให้ส่วนผสมนั้นโดดเด่นใหญ่ยักษ์ท่ามกลางพื้นหลังของโยเกิร์ตครีมสีขาวนวล อีกทั้งแบรนด์มีขนาดใหญ่ยักษ์เหมือนกัน ซึ่งเมื่อวางในเชลฟ์จะแตกต่างและโดดเด่นมากท่ามกลางโยเกิร์ตอื่น ๆ ที่เป็นช้อนลอยตักอยู่

2.สีสันสดใส คู่ในสีใหม่ในรูปแบบดิจิตอล

ทุกๆ Generation ได้รับ Palette สีของตัวเองและบอกเล่าเรื่องราวในยุคต่าง ๆ ซึ่งกลุ่ม Generation Z เติบโตมากับเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้สีในการรับรู้ของพวกเขามีความสดใส สว่าง ฉูดฉาด และเป็นเฉดที่แตกต่างกับยุคสมัยที่ผ่าน ๆ มา เขาจะรับรู้ได้ว่านี่คือโปรดักส์และสินค้าของเขา เช่น แบรนด์ขนมหวาน Jell-O ได้รับการปรับปรุงโฉมเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี Jell-O นำความสนุกสนานที่กระตุกกลับคืนมาและควบคุมความมหัศจรรย์ที่แบรนด์นำมาสู่ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ด้วยสีสันสดใสเฉดใหม่จากเดิมและภาพผลไม้ พุดดิ้ง รูปแบบใหม่ที่ช่วยปลดปล่อยจินตนาการโดยเปลี่ยนจากการพรรณนาตามตัวอักษรของผลิตภัณฑ์ไปเป็นการจินตนาการใหม่ว่ารสชาติต่าง ๆ จะมีชีวิตขึ้นมาได้อย่างไรด้วยวิธีที่สนุกสนานและสัมผัสได้

3.นำเสนอจุดเด่นของสินค้าหรือแบรนด์เท่านั้น

กลุ่มนี้จะไม่ชอบความวุ่นวายและเติบโตมากับความเรียบง่าย ตรงไปตรงมา ดังนั้นการขมวดจุดเด่นของสินค้าให้เหลือน้อยที่สุดและใช้เพียงสิ่งจำเป็นเท่านั้น จึงเป็นสาระสำคัญในการออกแบบ เช่น การออกแบบบรรจุภัณฑ์ของมะเขือเทศ Isle of Wight ออกแบบโดยเน้นย้ำจุดขายอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ นั่นคือ “แสงแดดมากขึ้น รสชาติมากขึ้น” เอกลักษณ์ของแบรนด์มุ่งเน้นไปที่ธีมแสงแดดบวกกับไอคอนรูปดาวสดซึ่งสื่อถึงกลีบเลี้ยงมะเขือเทศ ผสานกับ Typography ที่ล้อมและกระจายออกคล้าย ๆ ลำแสง โดยทำให้สอดคล้องกันทุกสินค้า

4.ต้องสร้างอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกันและดึงดูด

กลุ่มนี้เสพสื่อดิจิทัล สื่อออนไลน์หลาย ๆ Platform ดังนั้นการเรียงร้อยอัตลักษณ์จากบรรจุภัณฑ์จวบจนครอบคลุมการใช้งานทั้งหมด จึงเป็นสาระสำคัญในการออกแบบ หมดยุคของการออกแบบรรจุภัณฑ์เพียงอย่างเดียวไปแล้ว ปัจจุบันและอนาคตเราต้องคำนึงถึงภาพองค์รวมของอัตลักษณ์ด้วย เพราะสินค้าเราจะไปโผล่ในอีกหลาย ๆ สื่อและหลาย ๆ การใช้งาน ตัวอย่างเช่น แบรนด์ Vinamilk ของเวียดนาม ก่อตั้งขึ้นเมื่อเกือบ 50 ปีที่ผ่านมา ตระหนักถึงความจำเป็นในการปรับตัวให้เข้ากับผู้บริโภคที่มีชีวิตชีวา ด้วยแก่นแท้ใหม่ของแบรนด์คือ “Art of Life” โดยออกแบบโลโก้ที่จุดตรงตัวอักษร i สื่อถึงรอยยิ้มอันละเอียดอ่อนแต่อบอุ่น และบริเวณตัว a มีรูปทรงหยดนมซ่อนอยู่ ควบคู่ไปกับคำจารึก Est 1976 เพื่อเป็นการรำลึกถึงการเริ่มต้นเรื่องราวของ Vinamilk อย่างภาคภูมิใจ ส่วนโทนสีที่ใช้ในอัตลักษณ์ เป็นโทนสีเขตร้อนซึ่งประกอบด้วย 28 เฉดสีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอาหารท้องถิ่น เช่น ต้นหอม มะเฟือง และแก้วมังกร อีกทั้งอัตลักษณ์ใช้เส้นตารางหมากรุก แถบ และตารางเป็นพื้นฐานของการออกแบบที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของชาวเวียดนาม Vinamilk ส่วนภาพประกอบนั้นจะใช้การวาดด้วยมือ ซึ่งชวนให้นึกถึงโปสเตอร์ แสตมป์ และงานศิลปะสไตล์เวียดนามโบราณ

5.แนวคิดใหม่ ๆ ที่เป็นกระแสนิยมโลก

กลุ่มคนรุ่น Gerenation Z นั้นเขาเป็นกลุ่มที่จะขับเคลื่อนโลกในอนาคตต่อไป ประเด็นที่เป็นกระแสนิยมไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม ความเท่าเทียม ความโปร่งใส เทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นสิ่งที่พวกเขามองหา ดังนั้นแบรนด์ที่จะปรับตัวต้องพยายามผสานกระแสให้เข้ากับแบรนด์ให้ได้ เพื่อการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ เช่น สินค้า Sappe Beauti ที่ Rebranding โดยใส่ใจกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่สนใจประเด็นในเรื่องความหลากหลายและความเท่าเทียม เขาไม่ต้องการให้ใครมาตัดสินหรือนิยามและให้คุณค่าในสิ่งที่เป็น ฉะนั้นบรรจุภัณฑ์ที่ถูกออกแบบนั้นจะไม่ใช่แค่การขายของแต่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องนำเสนอแนวคิดเรื่องความหลากหลายเท่าเทียมลงไป เพื่อ Inspire สังคม ด้วยคอนเซ็ปต์ Embrace Yourself หรือโอบกอดตัวเอง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าทุก ๆ คนก็มีความสวยในแบบฉบับของตัวเอง โดยออกแบบดอกไม้ที่โอบกอดโอบอุ้มแต่ละคนที่มีความแตกต่าง ผ่านการให้ความหมายของดอกไม้ชนิดต่าง ๆ เช่น ดอกทานตะวันแทนความรักที่ให้กำลังใจ ดอกคาเนชั่นแทนความรักอย่างบริสุทธิ์ใจ เป็นต้น

ดังนั้นโปรดจำไว้ว่า ทุกอย่างต้องเริ่มต้นจากการรู้ว่าใครคือตลาดเป้าหมายของคุณ จากนั้นจึงพัฒนาแบรนด์ให้เหมาะสำหรับพวกเขา ให้พยายามปรับเปลี่ยนแบรนด์ที่มีอยู่ตาม 5 หัวข้อ เพราะถ้าคุณล่าช้าคุณอาจไม่สามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มคน Generation Z ได้ หรือถ้าคุณเชื่อมได้คุณก็อาจโดนคู่แข่งที่ปรับตัวเร็วแย่งลูกค้าของคุณไปแล้ว

ที่มา: https://www.thaipackmagazine.com/activity/packaging-gen-z 

วันที่ 08 มิถุนายน 2567